เมื่อคนไทยเจอคนไทยในต่างแดน (Thai vs Thai in an Oversea)

       สวัสดีครับท่านผู้ชมผู้ฟัง มาพบกันอีกครั้งกับรายการโลกกว้างกับภาษาอังกฤษนะครับกับผม ดร.อิสรา คงมี เป็นผู้ดำเนินรายการนะครับ ฟังสดนี่ก็ทุกเช้าวันจันทร์นะครับ ช่วงเวลา 8.00 น. ถึงเกือบๆ 09.00 น. หรือว่าถ้าเกิดตื่นเช้าไม่ทันเนี้ยนะครับ ทางทีมงานวิทยุกระจายเสียงของมหาวิทยาลัยนเรศวรเนี้ยก็ทำเป็นคลิปวีดีโอ คลิป youtube นะครับ ให้ติดตามฟังกันย้อนหลังได้นะครับ เมื่อไหร่ก็ฟังไปนะครับ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีใครจะฟัง ก็ดูจากยอดวิวก็รู้ ไม่เป็นไรครับ รายการเราก็ยังคงดำเนินกันต่อไปเรื่อยๆนะครับ วันนี้มีเรื่องอะไร ถ้าจำได้นะ Ep.ก่อนๆเนี้ย ผมเคยพูดถึงในส่วนแบบว่าถ้าเจอฝรั่งแกล้งใช่ไหม เวลาอยู่เมืองนอกมันต้องมีอยู่แล้วอันนั้น ถ้าใครไปอยู่นานๆ แบบไม่ใช่ท่องเที่ยวอะไรอย่างนี้นะครับ เป็นนักท่องเที่ยวคุณก็จะอยู่ในเซฟโซนอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าเกิดคุณต้องไปเรียนหรือไปทำอะไรที่มันนานๆเนี้ย คุณต้องเจอฝรั่งหรือเจ้าถิ่นอย่างเนี้ยนะครับ เขาจะมีปฏิกิริยา คุณจะเรียนรู้วิถีชีวิตเขามากขึ้น คุณมีเวลาคลุกคลีกับคนท้องถิ่นมากขึ้น
       คนท้องถิ่นเราเรียกว่า Local จะเป็น local person, local guy, local people อะไรก็ว่าไป แต่ให้มันมี local นำหน้าไว้ก่อน เขาก็จะมีความรู้สึกที่มัน negative กว่าเรา เขาก็อยากจะแสดงออกอะไรอย่างนี้ อยากจะมีการแสดงออกว่ามี reaction คนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศเขา เข้ามาสู่ในสังคมเขา แต่วันนี้เราไม่พูดเรื่องนี้หรอกนะครับ พูดมาซะเยอะเลย เราจะมาพูดในส่วนของเวลาที่เราไปเจอ เวลาที่เราไปต่างประเทศนอกจากเราจะเจอเจ้าถิ่นแล้ว เราก็จะเจอคนที่ไม่ใช่เจ้าถิ่น ก็จะเป็นนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวก็จะเป็นอะไร tourist ใช่ป่ะ เราก็เจอคนที่มาจากประเทศเดียวกัน same nationality อะไรก็ว่าไป คราวนี้เนี้ยสำหรับคนไทยเนี้ย วันนี้เป็นหัวข้อที่อยากจะพูดถึง เหมือนเป็นการระบายความในใจของผมเองแล้วก็ประสบการณ์ที่เชื่อว่าถ้าเกิดใครจะไปอยู่เมืองนอกหรืออาจจะใช้ชีวิตอยู่เกินกว่าที่ช่วงเวลาของการเป็นนักท่องเที่ยวมันหมดลงไปแต่คุณยังอยู่ที่นั่น คุณจะต้องเจอกับคนชาติเดียวกัน คนไทยเนี้ยแหละพูดง่ายๆ คุณจะเจออะไรบ้าง 
       วันนี้ก็เป็นหัวข้อที่เราจะพูดถึงก็คือ เจอคนไทยแล้วจะในต่างชาติแล้วเราจะเจออะไร งงไหม ผมงง ไม่เป็นไรนะ อย่างแรกเลยนะครับ ผมไปเจอคนไทยเลยล่าสุดเนี้ย อันนี้เอาเฟดสั้นๆก่อน ไปญี่ปุ่นแล้วก็ไปเจอคนไทยเยอะอยู่แล้ว เราไปญี่ปุ่นเพราะคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมก็ไปเที่ยวก็ไปได้ซักระยะหนึ่งก็เจอคนเราพูดภาษาไทย เพื่อนร่วมทางของเรา ก็เพื่อนร่วมทางของเราคุยภาษาไทยกันไป เพราะจะให้คุยภาษาอังกฤษกับคนไทยได้ไง มันก็ไม่ใช่เรื่อง ญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยเป็น คราวนี้ปัญหาอย่างหนึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่แบบจากการมองเห็นของผม จาก perspective (perspective = มุมมอง) มุมมองผมจะเห็นว่าคนไทยเวลาเจอคนไทยด้วยกัน จากกลุ่มคนไทยด้วยกันปุ้บ มันจะหยุด จะหยุดทันที มันจะมี space บางอย่าง แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นก็คือ หยุดพูดภาษาไทยนั่นเอง แต่เนื่องจากฝ่ายที่ยังพูดภาษาไทยอยู่นั่นคือผม เนื่องจากผมไม่ได้แคร์ว่าเรามีประสบการณ์ในการอยู่เมืองนอกที่ค่อนข้างเยอะนะครับ เราก็จะมีความอะไรที่ไม่แคร์อย่างเนี้ย no care นะครับ แต่นี่ไม่ใช่ศัพท์ภาษาอังกฤษนะครับ ไม่ต้องจำ เราก็จะพูดต่อไป แต่มันก็จะมีอีกฝ่ายนึงที่เขาอยู่ดีๆเขาคุยภาษาไทย เขาจะหยุด แล้วเขาก็จะทำตัวหรือเราเรียกภาษาอังกฤษคือ pretending ซึ่ง pretending แปลว่า เสแสร้ง, แกล้งทำ ก็คือทำตัวที่แบบว่า ฉันไม่ใช่คนไทย ฉันไม่ใช่คนที่มาชาติเดียวกับแกอะไรอย่างเนี้ย ซึ่งถามว่ามันมีไหม มันมีนะ แล้วมันบ่อยนะครับ ผมไปเมืองนอกผมก็เห็น ไม่ว่าจะไปตอนสมัยเป็นนักเรียน สมัยไปทำงาน สมัยเที่ยวเนี้ย จะเจอลักษณะ เราไม่ได้บอกเขาไม่ดีนะ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ผมว่าเราควรที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ทำอย่างนั้น เพราะว่าอะไร เพราะว่ามันดู ridiculous คำว่า ridiculous แปลว่าดูงี่เง่า พูดตรงๆแบบอยู่ดีๆก็เห็นอยู่ว่าเป็นคนไทยอยู่ดีๆปุ้บ แล้วก็ switch ภาษา อุ้ย เราก็ดีในฐานะพยายามทางภาษา แล้วคนกลุ่มนั้นอยู่ดีๆก็ switch ภาษา พูดอังกฤษ เขาไม่ได้พูดอังกฤษกันเอง เขาก็จะเงียบกับกลุ่มเขาเอง แล้วเขาก็จะไปพูดอังกฤษกับอะไรของเขาก็ว่ากันไป อย่างเช่น เขาอาจจะพูด “ฮัลโหล” ชัดเจน สำเนียงไทยก็ออกมาแล้วเรายังคงรู้อยู่ดีว่าคุณเป็นคนไทย ผมถึงบอกว่ายิ่งทำเนี้ยมันยิ่ง ridiculous มันอยากทำก็ทำไปเถอะเรื่องของเขา แต่ว่ามันไม่ได้ดูดีกว่า พูดภาษาไทยกันต่อไปก็ได้ ไม่เป็นไร มันไม่มีใครว่า อะไรประมาณนี้ ซึ่งก็เนี้ยมันก็เป็นเหตุการณ์ที่เจอมา นี่เจอที่โรงแรมแถวโรงแรม จะเข้าพัก ตอนนั้นรู้สึกเหมือนจะไปโอซาก้า แล้วก็ไปเจอน้องๆกลุ่มหนึ่ง แล้วเขาก็ pretending, overcook  แบบว่าพูดภาษาอื่นกันไปแบบฉับเลย เราก็หน้าก็ฟ้องอยู่แล้วว่าเป็นคนไทย ดูจากท่าทาง ดูจากการแต่งตัวอะไรอย่างเนี้ย ถ้าประสบการณ์มากๆ เราก็จะรู้คนไทยชัดเจน อะไรอย่างเนี้ย หรือบางทีไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ได้อะ กลัวผมจะเก่ง ผมไม่เก่งก็ได้อะ ก็เห็นอยู่ว่าเป็นคนไทย คราวนี้แล้วเขาก็ “ฮัลโหล” เป็นสำเนียงไทยก็ยังชัดอยู่ว่าเป็นคนไทย หน้าตาก็ใช่ 
       เช้าวันถัดมาเหมือนจะลืมคาแรคเตอร์เจอในครัว เนื่องจากที่พักในโอซาก้าเนี้ยเป็นโฮสเทล เขาก็จะพูดกับอีกคนหนึ่ง เขาก็ยังนิ่งอยู่ เขาเจอผมตอนเช้าในครัวก็นิ่ง ไม่คุยกัน 2คนครับ กลุ่มนี้เขามากัน3คน แล้วเขาก็ทำกับข้าว ต้มมาม่าญี่ปุ่น instant noodles ถ้าจำได้ แล้วก็เป็นอาหารเช้า เกิดอะไรขึ้นก็ยังพยายามไม่พูด พอเห็นผมมาเงียบกริบ ปรากฏว่าเพื่อนบุคคลที่พูด เพื่อนคนที่สามโผล่ออกมากำลังเช็ดหัว เดินมาแล้วเขาก็พูดภาษาไทยโพล่งๆ ถ้าเกิดเป็นคำก็เดี๋ยวมันออกอากาศไม่ได้ ภาษาแบบมีคำ offensive language นะ offensive language แปลว่าภาษาที่มันค่อนข้างรุนแรงแล้วก็ค่อนข้างหยาบคายนิดๆ ไม่นิดอะ แต่ก็เหมือนๆทักทายทั่วไป คนไทยเข้าใจ ก็เรียกว่าคนนั้นมาปุ้บ เพื่อนที่อุตส่าห์อยู่ในร่างทรงของ I’m not Thai. ก็แบบว่าเหมือนร่างแตก ผมก็แนะนำสิ่งที่อยากจะบอกก็คือว่า เจอคนไทยก็ acting normal เลย ทำตัวปกติเลยนะครับ ยิ้มเข้าหากันก็ได้ หรือไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องยิ้ม แต่บางทีมันรู้สึกเหมือนว่าเขา look down เขาทำอย่างนี้คือเขา look down อะ look down แปลว่าดูถูก เขาบอกว่าการเป็นคนไทยเนี้ย มันไม่มีค่าอะไรเลยหรอ ถ้าฉันไม่เป็นคนไทย ฉันจะดูดีกว่ายู มันใช่หรอ มันไม่ใช่ เราควรจะภูมิใจในความเป็นชนชาติของเรา วันก่อนผมดูรายการ youtube รายการหนึ่งเขาก็นำเสนอวัฒนธรรมไทย คนญี่ปุ่นเขาก็ให้ความสนใจ เขาก็ให้คุณค่าของความเป็นไทย เขาให้ความเคารพ ว่าคุณเป็นคนไทย มันไม่ได้ด้อยค่า การที่จะเป็นคนชาติอื่นในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือยังไม่พัฒนานะครับ ทุกคนมันมีศักดิ์ศรีด้วยกันเอง เพราะว่าที่มาพูดเพราะว่าเจอเยอะ ผมเคยแม้กระทั่งที่ผมเจอไปเป็นนักเรียนอยู่ คนไทยด้วยกันเองเนี้ย มันภาคบังคับเนี้ยมันต้องคุยกัน สิ่งที่เขาประเมินผม เขาประเมินผมเป็นแค่แบบข้ามน้ำข้ามทะเลแล้วมาเป็นพนักงานทำอาหารหรืออะไร ทั้งๆที่ผมไม่ใช่ ผมไม่ได้มีพาร์ทไทม์อะไรตรงนั้น ไม่ได้เป็นด้วย แต่เขามองเราปุ้บ เขาบอกว่าทรงเรามันเป็นแบบนั้น เราเป็นคนไทยที่แบบว่า อาจจะดูต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าเขา ซึ่งมันเป็นการเข้าใจผิด ก็เข้าใจ แต่เราควรจะมองคนไทยให้มันมีคุณค่ามากกว่านี้ ไม่ใช่มาเจอแล้วหลบตาอะไรอย่างเนี้ย แบบมันดูก็อย่างที่ย้ำอีกทีนะครับ มันเป็นคำศัพท์ที่ใช้ได้ตลอด ก็คือคำว่า ridiculous นะครับ มันไม่ได้ดูดีขึ้นมา คุณจะมาหลีกหนีความเป็นคนไทยหรือคุณไม่อยากเจอคนไทยมากน้อยแค่ไหน ยิ้มให้กันก็ได้ Thailand land of smiles. ก็เป็นสิ่งที่มันน่าจะเตือนใจเราได้ หรือไม่แน่อีกอย่างก็ไม่ต้องทำปฏิกิริยาอะไรอย่างนั้น อันนี้ก็เหมือน Ep.นี้ก็ค่อนข้างจะส่วนตัวนิดนึง นึกขึ้นได้ เนื่องจากก็ไม่รู้ไอเดีย จะพูดถึงหนังเดี๋ยวก็ซ้ำปะซ้ำซากไปมา ก็เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จะไปแนะนำอะไรนู้นนั่นนี่เดี๋ยวก็ไม่มีใครฟัง เพราะฉะนั้นในเมื่อไหนๆก็ไม่ค่อยมีอะไร ไม่ค่อยมีใครฟังอะไรกันอยู่แล้วเดี๋ยวนี้ ผมก็พูดในสิ่งที่ผมอยากจะพูดแล้วกัน ก็รู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับใครที่ต่อไป นะมีประสบการณ์ที่จะไปอยู่เมืองนอกเมืองนา ไม่ว่าจะไปเที่ยว ทำงาน ไปเรียนหนังสือ ให้เราเห็นคุณค่าของคนไทยด้วยกันเอง สร้างสังคมขึ้นมาให้มันแข็งแกร่ง ให้ในดูมีความน่ายำเกรง แต่ว่าอันนี้เป็นที่บอกเนี้ย บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลส่วนน้อย ส่วนใหญ่เนี้ยก็ทำตัวดีที่ผมเจอเนี้ย หลายๆคนเราก็รวมกันเป็น community ที่แบบว่า มีความน่ารัก มีความอบอุ่น มีน้ำจิตน้ำใจต่อกันระหว่างที่เราอยู่เมืองนอกก็เยอะ อันนั้นเป็นส่วนน้อย แต่ก็ไม่อยากจะเห็นในสิ่งเหล่านี้ โอเคนะครับ วันนี้ก็ขอบ่นเพียงเท่านี้ ก็หวังว่าสัปดาห์นี้คงจะมีความสุขกันถ้วนหน้านะครับ สวัสดีครับ
        คำศัพท์
       Local = ท้องถิ่น
       Reaction = การแสดงออก
       Tourist = นักท่องเที่ยว
       Perspective = มุมมอง
       Pretending = เสแสร้ง
       Ridiculous = งี่เง่า, ดูโง่
       Offensive language = ภาษาหยาบคาย
       Look down = ดูถูก
 

Loading