ในวัน ๆ หนึ่งเราต้องทำงานอยู่ในออฟฟิศอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน อาจทำให้ท่านมีอาการปวดกล้ามเนื้อ บางท่านปวดไม่นานอาการก็หายไปเอง แต่สำหรับบางท่านก็เป็นปัญหาระยะยาวที่ต้องทานยาหรือไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการปวดกันเลยทีเดียว
ในที่นี้อยากชวนมาคุยกันในประเด็น ภัยใกล้ตัวของคนทำงาน “ออฟฟิศซินโดรม” ก่อนอื่นจะขออธิบายถึงที่มาที่ไปของการเกิด ออฟฟิศซินโดรม กันก่อน
ออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน หรืออยู่ในท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องโดยเฉพาะคนที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ทำให้มีอาการปวดคอ ไหล่ หลัง ส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตประจำวัน บางท่าทางอาจทำให้เกิดการโค้งงอผิดรูปของกระดูกได้ บางท่าทางทำให้เกิดอาการตึง ยึด จนเกิดอาการปวดในที่สุด
นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากปัจจัยอื่นได้ เช่น
– สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ใช้ทำงานสูงหรือต่ำจนเกินไป ไม่เหมาะกับโครงสร้างของร่างกาย
– สภาพร่างกายอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วย เช่น ความเครียดจากการทำงาน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การได้รับสารอาหารไม่ครบ หรือทานอาหารไม่ตรงเวลา
สำหรับอาการออฟฟิศซินโดรม สามารถแบ่งลักษณะอาการปวดได้ทั้งหมด 3 ลักษณะ ได้แก่
-
-
การปวดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เช่น คอ บ่า ไหล่ สะบัก มักมีอาการปวดเป็นบริเวณกว้าง ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ชัดเจน อาจมีอาการปวดร้าวทั่วไปบริเวณใกล้เคียงร่วมด้วย มีลักษณะอาการปวดล้า ๆ ความรุนแรงมีได้ตั้งแต่ปวดเล็กน้อยเพียงรำคาญจนถึงปวดรุนแรงทรมานอย่างมาก
-
อาการของระบบประสาทอัตโนมัติ ซึ่งพบร่วมได้ เช่น ซ่า วูบ เย็น เหน็บ ซีด ขนลุก เหงื่อออก ตามบริเวณที่ปวดร้าว ถ้าเป็นบริเวณคออาจมีอาการมึน งง หูอื้อ ตาพร่า เป็นต้น
-
อาการทางระบบประสาทที่ถูกกดทับ เช่น อาการชาบริเวณแขนและมือ รวมถึงอาการอ่อนแรง หากมีการกดทับเส้นประสาทนานจนเกินไป
-
สำหรับการรักษากลุ่มอาการ ออฟฟิศซินโดรม มีด้วยกันหลายวิธี ทั้งการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยยา การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อ ออกกำลังกายเพื่อรักษาการปวดหลังเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย และปรับอิริยาบถให้ถูกต้อง การรักษาด้วยศาสตร์ทางเลือกอื่น เช่น การฝังเข็ม การนวดแผนไทย เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรมควรได้รับการรักษาโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาการปวดกล้ามเนื้อ ภายหลังที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมของแต่ละบุคคลอีกครั้งหนึ่ง เช่น
-
-
การยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยให้เอ็นข้อต่อและเส้นใยกล้ามเนื้อที่ได้รับการยืดเหยียดมีความยาว และมุมการเคลื่อนไหวที่ดี ทำให้สามารถป้องกันการฉีกขาดของเส้นใยกล้ามเนื้อ และลดการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้
-
การรักษาด้วยวิธีทางกายภาพบำบัด ด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสมและทันสมัย การทำกายภาพบำบัดจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ โดยนักกายภาพบำบัดจะกำหนดกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นราย ๆ ไป
-
การนวดแผนไทย ซึ่งการนวดเป็นการรักษาอาการปวดวิธีแรกที่มนุษย์เรารู้จักตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นวิธีทางธรรมชาติที่เกิดจากการเรียนรู้ เช่น ปวดตรงไหนก็ถูก บีบนวดตรงนั้น ต่อมาจึงสั่งสมประสบการณ์จนเป็นศาสตร์หนึ่งในการรักษา
-
การฝังเข็ม เป็นการรักษาที่อาศัยกลไกในการยับยั้งการปวด ช่วยให้เกิดการหลั่งสารสื่อประสาทให้ออกฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลางที่ระดับไขสันหลัง เพื่อช่วยระงับปวด ทำให้กล้ามเนื้อคลายจุดปวด ปรับสมดุลของอวัยวะต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพปกติ
-
การรับประทานยา วิธีนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคน แต่ก่อนที่ท่านจะรับประทานยาทุกครั้ง จำเป็นต้องอ่านฉลากยาอย่างละเอียด และปฏิบัติตามฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
สำหรับการป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรม มีวิธีปฏิบัติดังนี้
-
-
ออกกำลังกายด้วยท่าที่เหมาะสมกับอาการ เช่น การยืดกล้ามเนื้อให้เกิดความยืดหยุ่น การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยต้องอาศัยความใส่ใจและความสม่ำเสมอ
-
ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น ปรับระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ ให้สามารถนั่งทำงานในท่าที่สบาย ปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
-
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานกล้ามเนื้อให้เหมาะสม เช่น ในระหว่างทำงานควรมีการยืดเหยียดหรือเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อผ่อนคล้ายกล้ามเนื้ออย่างน้อยทุก ๆ 1 ชั่วโมง
-
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ และสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระราชูปถัมภ์ฯ
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกท่านได้นำแนวทางไปปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรม และหากทุกท่านยังคงต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ ให้ท่านหาเวลาออกกำลังกาย ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน และให้ยืดเหยียดหรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุก ๆ 1 ชั่วโมง
![]()
