สมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับสุขภาพเด็กและเยาวชน ส่งสารต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ตระหนัก เร่งแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย ชี้ต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า
และเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน อย่างเข้มงวด จริงจัง เพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนไทย
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง ประสบการณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ที่สามารถควบคุมการสูบบุหรี่ทุกประเภทได้ดี จนปีพ.ศ.2561 ได้ยกเลิกการห้ามบุหรี่ไฟฟ้า ผลที่ตามมาทำให้เยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำทุกวันเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า (จากร้อยละ 1.8 เป็น 9.6 ในปี พ.ศ.2564) ดังนั้น ประเทศไทยควรคงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยน่าเป็นห่วง โดยมีการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าบนสื่อออนไลน์จำนวนมาก จากรายงานการเฝ้าระวังตลาดบุหรี่ไฟฟ้าบนอินเตอร์เน็ต พ.ศ.2566 พบว่า มีผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะ และเว็บอีคอมเมิร์ซ 480 บัญชี กระจายอยู่ใน 27 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งโพสต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มอินสตาแกรมมากที่สุด ร้อยละ 27 รองมาคือ แพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ร้อยละ 26, แพลตฟอร์มทวิตเตอร์ ร้อยละ 20, เว็บไซต์ ร้อยละ 14, Line ร้อยละ 7 และ Shoppee ร้อยละ 6 ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้ายังหย่อนยานอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้เด็กและเยาวชนสามราถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย
“ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2566 ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) ได้ประกาศแถลงจุดยืน เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ดังนี้
1) ขอให้คงกฎหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามลักลอบซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า
2) ขอให้เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายทุกระดับ ตั้งแต่การเฝ้าระวัง สำรวจ จับการขายในทุกรูปแบบรวมทั้งการขายออนไลน์ และระงับการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า
3) ควรมีการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กและเยาวชนโดยเร็วที่สุด และส่งเสริมกระจายความรู้นั้นในวงกว้าง
4) ผู้ปกครองและครูอาจารย์ ควรหมั่นสอดส่องดูแลบุตรหลาน นักเรียน และนิสิตนักศึกษา เพื่อตักเตือนถึงโทษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า
5) ควรเข้มงวดกับมาตรการให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เฝ้าระวังการเข้าถึง และการใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าววขอขอบคุณ สมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับสุขภาพเด็กและเยาวชน ที่ส่งสารต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ให้ตระหนักและเร่งแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย ซึ่งต้องคงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้า ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ขณะเดียวกันต้องเร่งรัดให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะบนสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน อย่างเข้มงวดและจริงจัง เพื่อความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนไทย
ขอขอบคุณภาพเพิ่มเติมจาก : เว็บไซต์ https://www.hfocus.org/content/2023/08/28289